จากแชมพูจนถึงหวี เคล็ดลับที่ผู้เชี่ยวชาญบอกเราทำให้การดูแลผมทุกวันนั้นง่ายขึ้น.
เมื่อพูดถึงสถาพผม สีสัน หรือ สไตล์ มีสิ่งที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ทุกคนต้องการ คือ ผมที่เหมือนกับทำที่ร้านทำผมมืออาชีพทุกสัปดาห์ จากแชมพูจนถึงหวี เคล็ดลับที่ผู้เชี่ยวชาญบอกเราทำให้การดูแลผมทุกวันนั้นง่ายขึ้น.
แต่ถ้ามีสิ่งที่ง่ายและไม่ต้องใช้เวลามากในการทำ และถ้าต้องการเพียง 20 นาทีเพื่อรอให้มาร์คเคราตินทำงานได้ดี เราพูดถึง.
เคล็ดลับทั้ง 7 ข้อจากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในอุตสาหกรรมความงาม ใช่ค่ะ แค่กฎสำคัญ 7 ข้อที่ต้องทำเพื่อให้ผมของคุณมีความสุขและมีสุขภาพดี
ลาก่อนผมเสีย.
คิดใหม่กับวิธีการสระผมของคุณ
จากมินเทลรีพอร์ทรายงานว่า 33% ของผู้หญิงที่เปลี่ยนวิธีการสระผมในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา พบว่าสาเหตุหลักคือกลัวผมเสีย ดังนั้นคุณควรสระผมบ่อยแค่ไหน? ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ายิ่งน้อยครั้งยิ่งดี.
“การสระผมบ่อยเกินไปจะทำให้ผมเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผมที่ฟอก ทำสี ผ่านการทำเคมี หรือผมที่มีลักษณะแห้งฟูโดยธรรมชาติ” สตีฟ โรว์บอททอม ผู้อำนวยการร่วมของเวสต์โรว์ (Westrow) กล่าว.
“เมื่อคุณสระผมทุกวัน มันจะกำจัดน้ำมันและโปรตีนธรรมชาติที่คุณต้องการเพื่อให้ผมและหนังศีรษะแข็งแรง ดังนั้นพยายามจำกัดการสระผมให้เหลือเพียง 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ถ้าคุณทำได้”.
แต่ขึ้นอยู่กับลักษณะผมของคุณด้วย.
แชมพูที่ดีที่สุดสำหรับผมหนา หยาบ และหยิก
ดร.ดอริส เดย์ กล่าวว่า ถ้าคุณมีผมที่หนา หยาบและหยิก ควรเลือกแชมพูให้ความชุ่มชื้นในขณะที่สระ เช่น Percy&Reed’sPerfectly Perfecting Wonder Wash Shampoo ในราคา 809 บาท นอกจากนี้ยังปราศจากซัลเฟตจึงทำให้สีผมลอกอีกด้วย.
แชมพูที่ดีที่สุดสำหรับผมเส้นเล็ก
“ถ้าคุณมีผมที่เส้นเล็กละเอียดและตรงมาก น้ำมันในเส้นผมก็จะระบายออกมาได้เร็วขึ้น” สตีฟ กล่าว “ดังนั้นคุณต้องใส่น้ำมันที่ผมให้เร็วขึ้นเพื่อที่จะให้ได้ผมที่ตรงมาก และไม่ควรทิ้งไว้โดยที่ไม่ได้สระผมเกิน 2 วัน” ถ้าคุณมีผมตรงเส้นเล็ก ควรเลือกแชมพูอย่างเช่น Bumble and Bumble’s Gentle Shampoo สูตรมาตรฐาน ในราคา 1,011 บาท.
แชมพูที่ดีที่สุดสำหรับผมทำสี
หากคุณทำสีผมเป็นประจำ ควรหลีกเลี่ยงการสระผมทุกวันเพื่อป้องกันไม่ให้สีซีดและผมแห้งเสีย เช่นเดียวกับผมที่เพิ่มย้อม.
“ปล่อยผมทิ้งไว้อย่างน้อย 72 ชั่วโมงหลังการทำสีก่อนสระผม” คามิลา ผู้จัดการร้านเสริมสวยที่เวส ลอนดอน ซาลอน กล่าว“อาจต้องใช้เวลาถึงสามวันกว่าที่หนังกำพร้าของผมจะปิดและดักจับโมเลกุลของสี หากคุณสระผมก่อนที่หนังกำพร้าจะปิด จะทำให้สีผมที่เพิ่งทำมาไม่ตรงกับเฉดสีที่ต้องการโดยจะมีแนวโน้มที่จะจางลง”.
เวลาที่คุณสระผมควรหลีกเลี่ยงแชมพูที่มีซัลเฟตและซิลิโคน เนื่องจากซัลเฟตจะทำให้สีผมจางลง ในขณะที่ซิลิโคนจะทิ้งสารตกค้างที่อาจทำให้สีใหม่ของคุณแลดูไม่สดใส สไตลิสต์แนะนำให้ใช้ Pureology’s Hydrate Color Care Shampoo ในราคา 899 บาท ซึ่งจะทำความสะอาดตั้งแต่โคนจรดปลายผมโดยไม่ทำให้สีหลุดออก..
แชมพูที่ดีที่สุดสำหรับผมแอฟริกันหรือแคริบเบียน
ผมแบบผมแอฟริกันหรือแคริบเบียนจะแห้งมากเนื่องจากเป็นลักษณะของผม ซึ่งจะทำให้ผมเปราะบางอย่างมาก ช่างทำผมส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าปัญหาที่พวกเขาพบกับผมประเภทนี้มาจากการสะสมของสิ่งสกปรกบนหนังศีรษะและความเสียหายของผมที่เกิดจากการพันกัน เราขอแนะนำ KeraCare Hydrating Detangling Shampoo ในราคา 243 บาท ซึ่งได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้ความชุ่มชื้นและยึดทำให้สีเกาะติดกับเส้นผมของคุณได้ดียิ่งขึ้น.
จำไว้ว่าแชมพูแบบแห้งดีที่สุดสำหรับคุณ
“ถ้าคุณเป็นคนผมมันเยิ้ม ให้ใช้แชมพูแห้งเล็กน้อยในการสระผมเพื่อดูดซับน้ำมันส่วนเกิน” สตีฟแนะนำ “แต่พยายามอย่าใช้แชมพูชนิดแห้งมากเกินไปเพราะจะทำให้หนังศีรษะมันและรูขุมขนอุดตันซึ่งจะไปขัดขวางการเจริญเติบโตของเส้นผม หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงการสระผมบ่อยๆ การทำผมบางทรงจะดูดีกว่าเมื่อไม่ได้สระ เช่น ผมถักเปีย ผมที่เกล้าเป็นโดนัท เป็นต้น”.


เป็นมืออาชีพในการเป่าแห้ง
การเป่าผมแห้งที่ดีควรอยู่ได้นานอย่างน้อยสองถึงสามวันขึ้นอยู่กับประเภทผมของคุณ และยังมีสินค้าอีกมากมายที่จะช่วยทำให้ทรงผมของคุณอยู่ได้นานขึ้น คุณยังสามารถหลีกเลี่ยงความร้อนจากอุปกรณ์ได้ด้วยการทำทรงผมหลายแบบของคุณ.
อย่างที่แดน ชาร์ป สไตลิสต์คนดังอธิบายว่า “การจัดทรงผมไม่จำเป็นต้องอาศัยจากอุปกรณ์ที่ทันสมัยและมีความร้อนเสมอไป ถ้าคุณให้ตัวเองสมบูรณ์แบบในวันจันทร์ ร็อคในวันอังคารและในวันพุธทำผมหางม้าสูง การทำให้ทรงผมของคุณอยู่ได้นานสักสองสามวันแบบนี้จะช่วยป้องกันผมเสียได้จริงๆ”.
การทำผมให้สวยสมบูรณ์แบบที่บ้านนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด หากคุณลงทุนกับอุปกรณ์ดีๆ สักสองสามอย่าง มันก็จะทำให้ง่ายยิ่งขึ้นไปอีก.
“เริ่มต้นด้วยการก้มหัวของคุณลง และเขย่าผมของคุณไปรอบๆ ขณะที่คุณเป่าผมให้แห้ง” แฮรี่ จอร์ช ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลเส้นผมกล่าว “ยิ่งคุณเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ คุณก็จะได้ปริมาณมากขึ้นเท่านั้น และผมจะแห้งประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นพลิกหัวกลับขึ้นและเป่าผมในส่วนให้เรียบให้แห้ง เน้นในส่วนสุดท้ายจากปลายผมขึ้นมา 3 นิ้วเป็นกุญแจสำคัญ หวีผมลงไปพร้อมกับการเป่าผมมันจะสร้างความแตกต่าง คนส่วนใหญ่หันศีรษะไปทางด้านข้าง ซึ่งจะทำให้ผมชี้ฟูได้”.


ป้องกันอยู่เสมอ
ผมเสียได้ทั้งจากแสงยูวีและความร้อนจากอุปกรณ์ทำผม เช่น เครื่องยืดผม ที่หนีบผมและแม้กระทั่งไดร์เป่าผมที่ไว้ใจได้ของคุณ ดังนั้นสิ่งสำคัญคือต้องปกป้องเส้นผมของคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้.
“เมื่อคุณเป่าผมที่บ้าน ให้ใช้แผ่นกันความร้อนเสมอ” มาร์ค วูลเลย์ ช่างทำผมแห่ง Electric Hairdressing กล่าว ลองใช้สเปรย์ป้องกันความร้อนและป้องกันรังสียูวี The ghd Heat Protect Spray With UV Protection ในราคา 652 บาท เพื่อปรับสภาพจากภายในสู่ภายนอกและป้องกันความเสียหายจากเครื่องหนีบผมและแสงจากรังสี.
และเมื่อเป่าผม ต้องไม่ถือไดร์ใกล้ผมจนเกินไปเพื่อป้องกันผมแตกปลาย “ในการทดสอบ ให้เป่าไดร์เป่าผมลงบนมือของคุณและดูว่าคุณจะดึงออกได้เร็วแค่ไหนเมื่อถือไว้ใกล้ผิวของคุณ”.


จำกฎเครื่องมือที่ดี
ให้คิดว่าผมก็เหมือนผิวของคุณ สิ่งที่คุณใส่เข้าไปจะส่งผลต่อผม การลงทุนในผลิตภัณฑ์และเครื่องมือที่มีคุณภาพจะช่วยให้ผมดูมีสุขภาพดีและแข็งแรง.
“คนจะแลดูราคาถูกด้วยสิ่งที่พวกเขาใช้บนผม แต่คงจะดูแลรักษาจัมเปอร์ผ้าขนสัตว์ของพวกเขาด้วยวิธีนี้” ช่างทำผมและ ทราซี คูนนิงแฮม แอมบาสเดอร์ของเรดเคนกล่าว.
“ที่บ้าน คุณควรมีแปรงทรงกลมสำหรับเป่าแห้ง แปรง Mason Pearson สำหรับจัดแต่งทรงผม และหวีหางสำหรับม้วนผมเล็กน้อย” กุยโด ปาเลา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ระดับโลกของเรดเคนกล่าว.
แปรงหวีผมที่ดีควรค่าแก่การลงทุนและถึงแม้ว่าอาจมีป้ายราคาที่สูงกว่าแปรงหวีผมอื่นๆ ก็ตาม ทำให้แปรงของคุณสะอาดและปราศจากเส้นผมอยู่เสมอ และการสะสมของน้ำมันและผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยการล้างด้วยเบกกิ้งโซดาและน้ำอุ่นเดือนละครั้ง.


เทคนิคการหวีผม
ไม่มีใครอยากให้ผมกระเซอะกระเซิง ดังนั้นการหวีผมเป็นประจำนั้นมีความจำเป็น แต่ก็ไม่ควรหวีบ่อนเกินไป ดังเช่นการกล่าวถึงผู้ชาย การก้าวร้าวเกินไปอาจจะสร้างความเสียหายได้ และไม่มีใครอยากต่อสู้กับผมที่ชี้ฟูหรือผมแตกปลาย.
“เพื่อผมที่เงางาม สุขภาพดี และไม่พันกัน คุณควรหวีผมวันละ 2 ครั้ง” ช่างทำผมลอร่า ซุปเปอร์บิ แนะนำ “1 ครั้งในตอนเช้าและก่อนนอนอีก 1 ครั้ง ครั้งละประมาณ 1 นาที”.
แล้วเทคนิคที่ดีที่สุดคืออะไร? “การหวีผมจากรากทำให้เกิดความเสียหาย – หวีจากด้านล่างและขึ้นด้านบนเสมอ” ช่างทำผม ทราซี คูนนิงแฮน แนะนำ โดยเฉพาะถ้าคุณมีผมที่ยาว.
และอุปกรณ์ที่คุณใช้ควรเปลี่ยนเมื่อผมของคุณเปียกเพื่อไม่ให้ผมขาดและหลุดร่วง “เมื่อผมของคุณเปียก ผมจะอ่อนแอ เปราะบาง และแตกหักง่าย” ช่างทำผม นิกกี้ คลาค กล่าว เราแนะนำให้ลองใช้ WetBrush’s Original Detangler, 539 บาท.


ครีมนวดผมที่ถูกต้อง
ครีมนวดผมที่ดีก็มีความสำคัญเช่นกันเมื่อพูดถึงผมทุกประเภท แต่จะสำคัญเป็นพิเศษสำหรับสำหรับผมหยิกหนา.
“สำหรับผมหยิก หยักศก ให้ครีมนวดผมซึกลึกเสมอ” ช่างทำผมชื่อดัง เท็ด กิ๊บสัน กล่าว “ไม่มีการใช้ครีมนวดผมแค่ 2 นาทีสำหรับผมประเภทนี้ การปรับสภาพอย่างล้ำลึกต้องอาศัยการใช้ครีมนวดที่จะทำให้ความชุ่มชื้นและความแข็งแรง (โปรตีน) กลับคืนสู่เส้นผม.
“ฉันเชื่อว่าการใช้ครีมนวดผมแบบไม่ต้องล้างออกเป็นสิ่งสำคัญและไม่ควรใช้แชมพูบ่อยนัก ล้างออกถ้าคุณต้องการ แต่ไม่จำเป็นต้องสระผม”.
เราขอแนะนำครีมนวดผม Dizziak’s Deep Conditioner ในราคา 1,000 บาท เพื่อให้แน่ใจว่าเส้นผมของคุณดูดซับครีมนวดได้จริงๆ จากนั้นเช็ดผมให้แห้งหลังสระผม น้ำส่วนเกินจะทำให้ครีมนวดไม่สามารถซึมออกจากเส้นผมได้และให้ความชุ่มชื้นที่จำเป็นเพื่อให้ผมดูสุขภาพดีและเงางาม หากคุณมีเวลาน้อย อย่างน้อยก็บีบน้ำส่วนเกินออก.
สิ่งสำคัญที่คุณใช้ครีมนวดผม “ครีมนวดผมต้องใช้แค่ผมความยาวปานกลางและปลายผมเท่านั้น” สไตลิสต์ เคอรี่ อูบัน กล่าว “พยายามอย่าทาครีมนวดที่โคนผมเพราะจะทำให้หนังศีรษะมันเยิ้มเร็วขึ้น”.
เป็นความคิดที่ดีที่จะคิดล่วงหน้าและคาดการณ์สถานการณ์ที่อาจทำให้เส้นผมของคุณอาจแห้งเสียได้.
“ในขณะที่คุณออกกำลังกายและคุณเหงื่อออก ซึ่งหมายความว่าผมของคุณเปียกโชกด้วยเหงื่อที่สามารถทำให้แห้งได้จริง” แอนดี้ เลอคอมท์ ช่างทำผมจาก LA กล่าว “ก่อนที่คุณจะไปยิม (โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อน แต่ก็สามารถใช้ได้ตลอดทั้งปีเช่นกัน) ทำให้ผมเปียกและเติมครีมนวดผมตั้งแต่ผมถึงปลายผม ล้างครีมนวดออกหลังออกกำลังกายแล้วคุณจะได้ผมที่เงางามและชุ่มชื้น”.
เพิ่มพลังการดูแลด้วยผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม
ถ้าคุณมีผมเส้นเล็ก
คนที่มีผมเส้นเล็กจะต้องระมัดระวังสิ่งที่มีน้ำมัน เช่น อาร์แกน มะพร้าว หรือมะกอก ในขณะที่น้ำมันเหล่านี้จะให้ความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี แต่ส่วนผสมดังกล่าวจะไม่เหมาะกับผมเส้นเล็กละเอียด มันจะเพิ่มน้ำหนักให้กับผม ทำให้ผมมีน้ำหนักและลีบแบน ทั้งนี้น้ำมันว่านหางจระเข้เป็นทางเลือกที่ดีเพราะมีน้ำหนักเบากว่ามากและช่วยบำรุงผมโดยไม่ทำให้ผมแลดูหรือรู้สึกมันเยิ้ม.
ถ้าคุณมีผมที่หนา
ผมที่หนาต้องการความชุ่มชื้นมากกว่าผมที่มีมีเส้นเล็กละเอียดเนื่องจากมีเส้นผ่านศูนย์กลางที่กว้างกว่า การลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชื้นเพื่อตอบสนองความต้องการของปลายผมที่แห้งและรากผมที่เกิดขึ้นใหม่นั้นคุ้มค่า หากคุณพบว่าผมของคุณมีแนวโน้มที่จะชี้ฟู ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปรับผมให้เรียบน้ำหนักเบาที่จะทำให้ผมของคุณแลดูมีน้ำหนักยิ่งขึ้น หากผมของคุณเป็นคลื่นหรือเป็นลอน อาจจำเป็นต้องใช้ครีมหรือเซรั่มเพิ่มด้วย.
ถ้าคุณมีผมแบบแอฟริกัน
ด้วยโครงสร้างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ทำให้เส้นผมแอฟริกัน-แคริบเบียนอ่อนแอที่สุดต่อการทำลายในบรรดาประเภทของเส้นผมทั้งหมด เมื่อมันมีความพิเศษจึงต้องการการจัดแต่งทรงผมและการดูแล รวมถึงต้องการผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับมันด้วย การที่ผมประเภทหยิกจึงทำให้พันกันได้ง่ายและเกิดการขาดเปราะจากการดึงจึงควรดูแลเป็นพิเศษ เริ่มต้นจากปลายจนถึงรากผมของคุณด้วยการใช้หวีซี่ห่าง.
คุณมีผมที่หยาบกร้านหรือผมหยิก
ผมหยาบและหยักศกมักจะขาดน้ำได้ง่าย เนื่องจากน้ำมันธรรมชาติจะเคลื่อนลงมาที่ปลายผมและเคลือบทั้งเส้นได้ยาก ทั้งนี้การใช้น้ำมันโจโจ้บาและเชียบัตเตอร์นั้นสมบูรณ์แบบเพราะมีความคล้ายคลึงกับน้ำมันผมตามธรรมชาติของเรา ผมประเภทนี้อาจจัดทรงได้ยากและชี้ฟูหากสระผมบ่อยเกินไป อย่าพยายามใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีซิลิโคนที่มีน้ำหนักมากจนเกินไป เพราะจะทำให้สีของคุณซีดและทำให้ผมชี้ฟูมากขึ้น.
ถ้าคุณมีผมที่เสีย
ผู้ที่ทำสีผมควรหลีกเลี่ยงแชมพูที่มีซัลเฟตและซิลิโคน เพราะจะทำให้สีหลุดลอกและทิ้งสารตกค้างที่จะทำให้สีใหม่ของคุณแลดูไม่สดใสและทำให้ผมลีบแบน.